เลือกประเทศไทย

ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย

editor image

ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ที่ตั้งของประเทศในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการวางโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ วางกลยุทธ์ทำความร่วมมือกับพันธมิตรในพื้นที่ร่วมพัฒนาเมืองไมซ์ซิตี้ 10 แห่งประจำทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมจัดตั้งสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการประจำภูมิภาค 4 ภาค ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในภูมิภาค สนับสนุนการจัดงานและผู้จัดงานไมซ์ในแต่ละภูมิภาคได้อย่างทั่วถึง พร้อมเดินหน้าลงทำงานเชิงรุกกระจายในพื้นที่ ตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน หวังวางรากฐานไมซ์ไทยเพื่อก้าวขยายสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ของเอเชีย โดยร่วมกับจังหวัด สมาคม หน่วยงาน และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด  เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมปลดล็อคธุรกิจไมซ์ในสูตร “ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม”  ชูเรื่องความปลอดภัยในการดันไมซ์ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย ชิงความได้เปรียบในทุกด้านเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ที่วันนี้ประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมสูงสุดในทุกด้าน


1. พื้นที่ยุทธศาสตร์

ประเทศไทยเป็นจุดเชื่อมโยงประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชีย และมีเศรษฐกิจเชื่อมโยงระหว่างประเทศ มีการถ่ายเทสินค้า บริการ ฝีมือแรงงาน และการค้าการลงทุนระหว่างกัน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อาเซียนและเอเซีย และเป็นประเทศฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในอุตสาหกรรมหลักของโลก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนประกอบ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และไอที เป็นต้น

  •   การส่งออก

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนมิถุนายน 2568 การส่งออกของไทยมีมูลค่า 28,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (938,533 ล้านบาท) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 15.5 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ร้อยละ 15.6 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการชะลอการใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐฯ เร่งนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้นเพื่อปิดความเสี่ยงด้านราคา ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเติบโตตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัล และสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะผลไม้สดและแช่แข็ง มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย ไก่แปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัวได้ดี สำหรับการส่งออกครึ่งปีแรก 2568 มีมูลค่า 166,851.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.0 เกินคาดการณ์ ขณะที่การนำเข้า 27,588.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.1 ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,061.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ แนวโน้มครึ่งปีหลังจะขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีต่างตอบแทนมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ที่เปิดตลาดมากขึ้นและได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสมและยังคงแข่งขันได้กับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาค   

editor image

  •   การลงทุนในประเทศ

บีโอไอ เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,058,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 138 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่ ดิจิทัล 522,577 ล้านบาท จาก 89 โครงการ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 125,786 ล้านบาท จาก 268 โครงการ ยานยนต์และชิ้นส่วน 45,195 ล้านบาท จาก 172 โครงการ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 42,238 ล้านบาท จาก 191 โครงการ และเกษตรและแปรรูปอาหาร 30,785 ล้านบาท จาก 184 โครงการ ตามลำดับ ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,369 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 เงินลงทุนรวม 737,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 132 โดยประเทศที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 246,977 ล้านบาท ฮ่องกง 218,638 ล้านบาท จีน 102,263 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 93,726 ล้านบาท และญี่ปุ่น 49,819 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค

  •  โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 จ.ชลบุรี

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยความก้าวหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 จ.ชลบุรี มูลค่า 1.14 แสนล้านบาท ครบ 4 ปีนับจากการลงนามสัญญาร่วมลงทุนเมื่อ 25 พ.ย. 2564 โดยโครงการมีพื้นที่รวม 3,246 ไร่ ประกอบด้วยท่าเทียบเรือตู้สินค้า 7 ท่า รองรับตู้สินค้าได้ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านตู้ต่อปี และท่าเทียบเรือรถยนต์ 1 ท่า รองรับรถยนต์ได้ 1 ล้านคันต่อปี ลงทุนรูปแบบ PPP โดยรัฐลงทุน 47% ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และเอกชน บริษัท GPC ลงทุน 53% ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันงานก่อสร้างทางทะเลมีความคืบหน้า 62.89% กำหนดส่งมอบพื้นที่ท่าเทียบเรือ F1 ปลายเดือน พ.ย. 2568 เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับตู้สินค้าเพิ่มจาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 13 ล้านตู้ต่อปี และเป็น 18 ล้านตู้ต่อปีเมื่อพัฒนาครบทั้งหมด เพื่อผลักดันท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลของภูมิภาคและเชื่อมโครงข่ายการขนส่งสู่กลุ่มประเทศ CLMV และประเทศจีนตอนใต้


2. การเข้าถึงได้สะดวกสบาย

    ที่ตั้งของประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของเอเชีย มีความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคระดับมาตรฐาน ศูนย์ประชุมระดับนานาชาติ อีกทั้งยังมีไมซ์ซิตี้จำนวน 10 เมือง ได้แก่ กรุงเทพ ขอนแก่น เชียงใหม่ นครราชสีมา พิษณุโลก พัทยา ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี พร้อมเพิ่มทางเลือกในการจัดกิจกรรมไมซ์หลากหลายรูปแบบ

  •   ท่าอากาศยาน 

ท่าอากาศยานไทย เตรียมเร่งลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ให้แล้วเสร็จในปี 2573 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถจาก 65 ล้านคนต่อปี เป็น 80 ล้านคนต่อปี พร้อมดำเนินโครงการพัฒนาด้านทิศใต้ ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้และทางวิ่งเส้นที่ 4 ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองจะเริ่มก่อสร้างอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 ภายในปี 2569 และเปิดให้บริการในปี 2573 เพื่อรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะปรับปรุงให้แล้วเสร็จในปี 2576 รองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี ท่าอากาศยานภูเก็ตจะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขีดความสามารถเป็น 18 ล้านคนต่อปี แล้วเสร็จในปี 2573 และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จะพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถจาก 3 ล้านคนต่อปี เป็น 6 ล้านคนต่อปี แล้วเสร็จในปี 2576 ส่วนท่าอากาศยานหาดใหญ่ก็จะได้รับการพัฒนาตามแผนงาน เพื่อรองรับการเติบโตของผู้โดยสารในอนาคตที่คาดว่าจะมีกว่า 130 ล้านคนในปีงบประมาณ 2569

  •   ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81

กรมทางหลวง เปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงินลงทุน 56,178 ล้านบาท สร้างเสร็จแล้ว 100% หลังใช้เวลาก่อสร้าง 9 ปีเต็ม นับจากเริ่มก่อสร้างปี 2559 ปัจจุบันทดลองเปิดบริการฟรีช่วงสุดสัปดาห์ 4 วัน ตั้งแต่ 15.00น. วันศุกร์ - 09.00น. วันจันทร์ เข้าออกได้ 3 ด่าน คือ ด่านบางใหญ่ ด่านนครปฐมตะวันตก และด่านกาญจนบุรี จากทั้งหมด 8 ด่าน โดยมีแผนเปิดบริการเต็มระบบทั้ง 8 ด่านทุกวัน 24 ชม. ให้เร็วขึ้นจากแผนปลายปี 2568 เป็นเดือนตุลาคม 2568 ก่อนเปิดบริการเต็มรูปแบบเก็บค่าผ่านทางในปี 2569 โดยค่าธรรมเนียมรถยนต์ 4 ล้อสูงสุดตลอดเส้นทาง 150 บาท รถ 6 ล้อ 240 บาท และมากกว่า 6 ล้อ 350 บาท ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางจากบางใหญ่ไปกาญจนบุรีใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง รวดเร็วกว่าเส้นทางปกติที่ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง

editor image

เครดิตภาพ: www.motorway-m81.com

3. การพัฒนาในประเทศไทย

  •   การพัฒนาด้านระบบคมนาคม

กรมการขนส่งทางราง เปิดเผยผลศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (M-MAP2) ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ว่าระหว่างปี 2568-2583 จะมีการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าเพิ่มเติม 19 โครงการ ระยะทางกว่า 245 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 5.8 แสนล้านบาท แบ่งการลงทุนเป็น 3 ระยะ โดยกลุ่ม A1 เป็นโครงการเร่งด่วน 4 โครงการ วงเงิน 63,480 ล้านบาท ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 โครงการ คือ รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอครม.แล้ว คาดออกประกาศประกวดราคาภายใน 2-3 เดือน ส่วนกลุ่ม A2 จำนวน 6 โครงการ จะพัฒนาภายในปี 2572 รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเงิน บางนา-สุวรรณภูมิ และสายสีเทา วัชรพล-ทองหล่อ และกลุ่ม B อีก 9 เส้นทาง ระยะทาง 132.35 กิโลเมตร วงเงิน 341,182 ล้านบาท จะพิจารณาความเหมาะสมในปี 2572 โดยเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จในปี 2583 คาดว่าจะเพิ่มปริมาณผู้โดยสารเข้าระบบรถไฟฟ้าได้มากถึง 3.4 ล้านคน เป็นเท่าตัวจากปัจจุบันเฉลี่ย 1.7 ล้านคน 

  •   การพัฒนาด้านเทคโนโลยี

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ บพข. เปิดเผยผลสำเร็จโครงการ "OpenThaiGPT R1" โมเดล AI ภาษาไทยขนาด 32 พันล้านพารามิเตอร์ ที่มีความสามารถโดดเด่นด้านการวิเคราะห์และคิดเชิงเหตุผล พัฒนาโดยสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) ร่วมกับ บริษัท ไอแอพพ์เทคโนโลยี จำกัด โดยแม้มีขนาดเล็กกว่า แต่สามารถทำคะแนนเฉลี่ย 71.58% จากชุดข้อสอบหลากหลาย สูงกว่า DeepSeek R1 70b ที่ทำได้ 63.31% ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเกือบสองเท่า จุดเด่นคือใช้ทรัพยากรประมวลผลน้อยกว่าครึ่ง ช่วยลดต้นทุน และเปิดเป็น Open Source ให้ใช้งานฟรีทั้งเพื่อการศึกษาและเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในประเทศไทยและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

  •   การพัฒนาด้านบุคลากร

ทีเส็บจัดกิจกรรม Certification Young Professional Qualification for New Graduation Program (CYP) เมื่อ 22 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำ ความฉลาดทางอารมณ์ และทักษะด้านบุคคลให้กับนิสิตนักศึกษาเครือข่ายการศึกษาไมซ์ภาคอีสาน 59 คน ผ่านการฝึกปฏิบัติการสื่อสาร การใช้ความแตกต่างเป็นพลัง และการทำงานเป็นทีม เตรียมความพร้อมสู่การเป็นบุคลากรมืออาชีพในอุตสาหกรรมไมซ์อย่างยั่งยืน

editor image

เครดิตภาพ : เพจ MICE in Thailand

เลือกประเทศไทย

  • new-experience

    ประสบการณ์ใหม่

  • various-places

    หลากหลายสถานที่

  • full-service

    บริการครบวงจร

  • thai-identity

    เอกลักษณ์ไทย

  • connecting-hub

    ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย